Friday, August 26, 2011

ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับก๊าซ NGV และ LPG

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน



หนังสือเล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับก๊าซ NGV
และ LPG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีความส�ำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศใน
ปัจจุบัน และเป็นประเด็นโต้แย้งในด้านการก�ำหนดราคามาโดยตลอด
เชื้อเพลิงทั้งสองชนิด แม้จะมีคุณสมบัติเป็นก๊าซ แต่ก็มีความแตกต่างอย่างมาก
ในด้านข้อจ�ำกัดการใช้งาน การรู้เท่าทันจึงควรศึกษาคุณสมบัติที่แตกต่างเสียก่อน
เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจเลือกใช้งานได้อย่างถูกวิธี และมีความปลอดภัยสูงสุด
ในปัจจุบันนี้ คนไทยสามารถเข้าถึงเชื้อเพลิงเหล่านี้ได้สะดวกขึ้น แต่ก็ควรรับรู้
ไว้ด้วยว่า เบื้องหลังนั้นมีรายละเอียดขั้นตอนการจัดซื้อจัดหาที่ซับซ้อน อีกทั้งยัง
เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนสูงมาก แต่ที่น่าภาคภูมิใจก็คือ ตลอด 3 ทศวรรษ
ที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยน�้ำพักน�้ำแรงของคนไทยเอง
ขณะเดียวกันก็จ�ำเป็นต้องตระหนักร่วมกันว่า แม้ก๊าซธรรมชาติบางส่วนจะเป็น
ของเราเอง ขุดเจาะขึ้นมาจากอ่าวไทย แต่ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จ�ำกัด และก�ำลังจะหมด
ไป ด้วยเหตุนี้ ผู้มีหน้าที่จัดหาจึงต้องก�ำหนดวิธีบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ที่สุดเพื่อสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างยาวนาน ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่
ของเราคนไทยทุกคนที่จะต้องใช้อย่างประหยัด และรู้คุณค่าเพื่อให้มีพอใช้ไปถึง
ลูกหลานในอนาคต

Sunday, August 7, 2011

ขนาดและประเภทของระบบก๊าซแบบถัง


ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน






ระบบท่อรวมถังแก๊ส 2 วาล์ว
     ( Liquid Withdraw System )

เป็น ระบบท่อรวมที่ใช้ก๊าซหลายๆถังพร้อมกัน โดยนำก๊าซส่วนทีเป็นของเหลวมาใช้ก่อนผ่านทางชุดวาล์วตัวที่ 2 ที่มีลักษณะเป็นท่อจุ่มลงไปถึงก้นถัง 

ระบบท่อรวมนิยมติดตั้ง 20 ถัง/สถานี (10x2 ถัง) โดยมีวาล์วสลับใช้งานอัตโนมัติทำหน้าที่สลับข้างการใช้งานเมื่อก๊าซด้านใด ด้านหนึ่งหมด ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน


ระบบท่อรวม 2 วาล์วนี้จำเป็นต้องอาศัยเครื่องช่วยระเหย (Vaporizer) หรือหม้อต้มเพื่อระเหยน้ำก๊าซให้เป็นไอก๊าซก่อนนำไปใช้งาน

การใช้เครื่องช่วงระเหยจะทำให้อัตราการจ่ายก๊าซสม่ำเสมอส่งผลให้ความร้อนในการเผาไหม้คงที่

อัตราการจ่ายก๊าซ:
     ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องช่วยระเหย
ข้อดี:
    มีน้ำแก๊สเหลือค้างในถังน้อย
     อัตราการจ่ายแก๊สสม่ำเสมอ
ข้อเสีย:
     ค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งสูง
     ต้องการการดูแลรักษาสูง
ความเหมาะสม:
     เหมาะสมกับโรงงานที่มีปริมาณการใช้แก๊สมากกว่า
   20 kg/hr

Sunday, July 31, 2011

วิธีและขั้นตอนการเปลี่ยนถังก๊าซ

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน






1.) ให้ปิดวาล์วที่หัวถังแก๊สของถังที่ต้องการเปลี่ยน

2. ) ให้ปิด  Check Valve และ Ball Valve with Check Valve ของถังที่ต้องการเปลี่ยน

3. ) ถอดหัวสายแก๊สออกจากวาล์วที่หัวถังแก๊ส

4. ) ปลดโซ่คล้องถังและนำถังแก๊สออก

5. ) นำถังแก๊สใหม่เข้ามาแทนที่

6. ) ใส่หัวสายแก๊สเข้ากับวาล์วที่หัวถังแก๊ส โดยก่อนใส่ให้ตรวจสอบและปฎิบัติดังนี้
- ถ้าเป็นหัวจ่ายน้ำแก๊ส ให้ดูว่าช่องเกลียวด้านใดต้องไม่มีเศษเหล็กหรือเศษวัสดุใดๆค้างอยู่ เพราะอาจส่งผลให้ฟันเกลียวของหัวต่อสายแก๊สชำรุดได้
- ถ้าเป็นวาล์วจ่ายไอแก๊ส ให้เปิดผนึกอลูมิเนียมที่หัววาล์วออกก่อน แล้วจึงสวมคลิปปิ้งลงไป แล้วบิดตัวกดสลักให้มาร์คสีแดงตรงกับตำแหน่งของลูกไฟ

7. ) ให้ปฎิบัติตามขั้นตอนการเปิดใช้งานต่อไป

Tuesday, June 14, 2011

คุณประโยชน์ของเรือนไม้ไร้ตะปู

ขอคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวใม้ต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน






อาคารผู้ประสบภัยโครงสร้างไม้ประเภทถอดและประกอบได้อย่างรวดเร็ว "เรือนไม้ไร้ตะปู" เป็นอีกโครงการบ้านสำเร็จรูปที่ชนะการประกวดการออกแบบบ้าน ของโครงการศูนย์ให้บริการและส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสร้างบ้านสำเร็จรูป (SME) เชิงสร้างสรรค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โดยภาควิชาเทคนิคสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณประจำปี 2555 ตามภาคภารกิจยุทธศาสตร์ ตามแนวนโยบายของรัฐบาล เพื่อจัดตั้งศูนย์ให้บริการและส่งเสริมธุรกิจ - อุตสาหกรรมก่อสร้างบ้านสำเร็จรูปเพื่อผู้ประสบภัยธรรมชาติ

โดยโครงการดังกล่าวมีปณิธานที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัยในการพัฒนารูปแบบและมาตรฐานของที่พักอาศัยได้มีความเหมาะสม รวดเร็วและยั่งยืน 3 ประการ ประกอบด้วย 1.การให้คำปรึกษาต่อหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปในการวิเคราะห์โครงการ จัดหาแบบบ้าน และผู้ผลิตที่เหมาะสม 2.สนับสนุนข้อมูล และจัดฝึกอบรมสัมมนา เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในการผลิตบ้านสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมที่จะรองรับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยทั้งในภาวะฉุกเฉินและภาวะปกติ 3. สร้างเครือข่ายนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม เพื่อสร้างงานวิจัยในเชิงบูรณาการที่นำไปสู่การพัฒนางานออกแบบและการผลิตที่ยั่งยืน

ด้วยคุณลักษณะ 3 ประการข้างต้น อาคารสำหรับผู้ประสบภัยโครงสร้างไม้ประเภทถอดและประกอบได้อย่างรวดเร็ว “เรือนไม้ไร้ตะปู” ตอบโจทย์และผ่านการคัดเลือกแบบบ้านสำเร็จรูปเพื่อผู้ประสบภัยธรรมชาติ

“เรือนไม้ไร้ตะปู” หรือ อาคารสำหรับผู้ประสบภัยโครงสร้างไม้ประเภทถอดและประกอบได้อย่างรวดเร็วถูกพัฒนาขึ้นมาจากเครื่องกลไม้โบราณที่เรียกว่า ‘เถรอดเพล’ ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน โดยที่เลือกมานำเสนอเป็นแบบ ‘เถรอดเพล’ ที่พัฒนาขึ้นโดยหลวงตาโจ้ยจากวัดไทร อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, 2529) กลไม้เดิมของหลวงตาโจ้ย ประกอบด้วยชิ้นไม้ 6 ชิ้นต่อรอยต่อซึ่งไม่มีชิ้นไหนที่เหมือนกันเลย เพราะต้องการให้ซับซ้อนและยากต่อการถอดออก สมวัตถุประสงค์ที่ทำให้แม้กระทั่งพระยังอดฉันเพลได้เมื่อมาเล่นกลไม้นี้

แต่ที่นำมาใช้และพัฒนาต่อให้เป็นรอยต่อของโครงสร้างหลักอาคารนั้นเป็นกลไม้ที่เรียบง่ายขึ้นองค์ประกอบยังคงไว้ด้วยไม้ 6 ชิ้นต่อหนึ่งรอยต่อ แต่มีคู่ที่มีลักษณะเหมือนกัน 2 คู่กับอีก 2 ชิ้นที่มีลักษณะต่างไปทำหน้าที่เป็นฐานและตัวยึดสุดท้ายกลไม้ที่เรียบง่ายนี้ จึงน่าจะเหมาะแก่การใช้เป็นรอยต่อโครงสร้างอาคารขนาดไม่ใหญ่มากนัก ในขั้นแรกได้นำกลไม้มาพัฒนาและทดลองใช้เป็นรอยต่อโครงสร้าง “ศาลาไม้ไร้ตะปู” ซึ่งเป็นศาลาอเนกประสงค์ชนิดถอดประกอบได้ง่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยโดยได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันวิจัย และพัฒนามหาวิทยาลัยศิลปากรด้วยศักยภาพที่เกิดขึ้นจึงได้นำกลไม้รอยต่อโครงสร้างมาพัฒนาต่อให้เป็นรอยต่อโครงสร้างหลักของบ้านสำหรับผู้ประสบภัย
- See more at: http://www.buildernews.in.th/page.php?a=10&n=268&cno=8480#sthash.x31rUWxT.dpuf


หลักการในการออกแบบวัตถุประสงค์และการใช้งานสำหรับ “เรือนไม้ไร้ตะปู” หรืออาคารสำหรับผู้ประสบภัยโครงสร้างไม้ประเภทถอดและประกอบได้อย่างรวดเร็วมีรายละเอียดดังนี้

1. คงความเป็นโครงสร้างไม้ที่สร้างจากไม้ที่มีขนาดหน้าตัดเล็ก (3”X3”) เพื่อให้สะดวกในการประกอบในพื้นที่ประสบภัยที่เข้าถึงได้ยากอาจขาดเครื่องมือและเครื่องจักรในการก่อสร้าง นอกจากนี้ไม้ยังเป็นวัสดุที่สร้างทดแทนได้ ส่วนวัสดุอื่นเลือกใช้เท่าที่จำเป็น

2. การประกอบโครงสร้างควรทำได้ง่ายไม่ยากและซับซ้อน เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นช่างเมื่ออ่านคู่มือในการประกอบก็สามารถทำเองได้ คล้ายการประกอบเครื่องเรือนสำเร็จรูปที่มีขายอยู่ในท้องตลาด

3. ออกแบบจากระบบห้องที่มีขนาดหน่วยประมาณ 1.80 x 2.40 ม. ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่มากเหมาะแก่การพักชั่วคราวก่อนที่จะย้ายไปอยู่อาคารที่ถาวรภายหลัง (เอื้อให้เกิดการถอดอาคารนำไปใช้ใหม่ได้) สัดส่วนนี้ยังแบ่งได้อีกที่ระยะ 0.60 ม. ซึ่งเป็นระยะทอนส่วนทั่วไปของวัสดุแผ่นในท้องตลาด

4. บ้านขนาดเล็กสุดประกอบไปด้วย 3 หน่วย หรือ 3 ห้อง ใช้เป็นห้องนอน 2 ห้อง และห้องน้ำ-ส้วมอีกหนึ่งห้อง (แบบที่เลือกนำมาแสดงนี้มีทั้งหมด 5 ห้อง สองห้องที่เพิ่มมาเป็นพื้นที่ชานไว้พักผ่อน หรืออาจกั้นเป็นห้องนอนอีกห้องก็ได้)

5. เรือนมีชายคาโดยรอบไว้กันแดดและฝนและด้านหน้าเรือนมีลานหน้าบ้านมีกันสาดคลุมเอาไว้เป็นที่พักผ่อนภายนอกอาคาร

ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น และคงความเป็นโครงสร้างไม้มีขนาดหน้าตัดเล็ก (3”X3”) เพื่อให้สะดวกในการประกอบในพื้นที่ประสบภัยที่เข้าถึงได้ยาก “เรือนไม้ไร้ตะปู” จึงเป็นอีกแบบบ้านสำเร็จรูปเพื่อผู้ประสบภัยธรรมชาติคุณภาพที่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ ล่าสุดได้นำไปโชว์ในงานสถาปนิก’57ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชมงานอย่างมาก - See more at: http://www.buildernews.in.th/page.php?a=10&n=268&cno=8480#sthash.x31rUWxT.dpuf

Tuesday, December 26, 2000

การตื่นภันที่ทันสมัยของการเกิดภัยจากก๊าซ





สำหรับตรวจจับก๊าซที่รั่วออกมาบริเวณภายใน LPG Plant 
พร้อมระบบส่งสัญญาณเตือนให้ทราบ
การติดตั้งถังเก็บและจ่ายก๊าซ
1. ห้ามติดตั้งถังในห้องใต้ดิน
2. ต้องตั้งไว้ในรั้วโปร่ง และมีเสาเหล็กกันชนในด้านที่ยานพาหนะอาจเข้าชนได้
3. พื้นที่โดยรอบต้องเรียบ ไม่มีหลุมบ่อ ภายในรัศมี 7.5 ม. วัดจากถังเก็บและจ่ายก๊าซ
4. มีระยะความปลอดภัยห่างจากถนนสาธารณะ เขตที่ดินผู้อื่น อาคาร สิ่งปลูกสร้าง ถังเก็บและจ่ายก๊าซ ถังน้ำมัน และอื่นๆ ตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน
5. ต้องห่างจากภาชนะบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 60 0C เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าซ ไม่น้อยกว่า 6 ม.

Friday, November 10, 2000

ความรวดเร็วในการติดตั้งก๊าซพายในวันเดียว

 ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน






ระบบท่อรวมถังแก๊ส 2 วาล์ว
     ( Liquid Withdraw System )

เป็นระบบท่อรวมที่ใช้ก๊าซหลายๆถังพร้อมกัน โดยนำก๊าซส่วนทีเป็นของเหลวมาใช้ก่อนผ่านทางชุดวาล์วตัวที่ 2 ที่มีลักษณะเป็นท่อจุ่มลงไปถึงก้นถัง

ระบบท่อรวมนิยมติดตั้ง 20 ถัง/สถานี (10x2 ถัง) โดยมีวาล์วสลับใช้งานอัตโนมัติทำหน้าที่สลับข้างการใช้งานเมื่อก๊าซด้านใดด้านหนึ่งหมด ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน


ระบบท่อรวม 2 วาล์วนี้จำเป็นต้องอาศัยเครื่องช่วยระเหย (Vaporizer) หรือหม้อต้มเพื่อระเหยน้ำก๊าซให้เป็นไอก๊าซก่อนนำไปใช้งาน

การใช้เครื่องช่วงระเหยจะทำให้อัตราการจ่ายก๊าซสม่ำเสมอส่งผลให้ความร้อนในการเผาไหม้คงที่

อัตราการจ่ายก๊าซ:
     ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องช่วยระเหย
ข้อดี:
    มีน้ำแก๊สเหลือค้างในถังน้อย
     อัตราการจ่ายแก๊สสม่ำเสมอ
ข้อเสีย:
     ค่าใช้จ่ายในการลงทุนติดตั้งสูง
     ต้องการการดูแลรักษาสูง
ความเหมาะสม:
     เหมาะสมกับโรงงานที่มีปริมาณการใช้แก๊สมากกว่า
   20 kg/hr

วิธีการวิเคราะค์งานก่อสร้าง







  คำว่า “การตรวจสอบ” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปีพุทธศักราช 2542 มีความหมายโดยแบ่งคำเป็น “ตรวจ” หมายความว่า พิจารณาดูความเรียบร้อย เช่น ตรวจพล ตรวจราชการ พิจารณาดูว่าถูกหรือผิด ดีหรือร้าย เป็นต้น เช่น ตรวจบัญชี ตรวจแบบฝึกหัด ตรวจดวงชะตา พิจารณาหาสมมุติฐาน เช่น ตรวจโรค สำรวจ ตรวจพื้นที่ และ “สอบ” หมายความว่า ตรวจ ทดลอง เปรียบเทียบ เพื่อหาข้อเท็จจริง หรือวัดให้รู้ว่ามีความรู้หรือความสามารถแค่ไหน เช่น สอบตาชั่งให้ได้มาตรฐาน สอบราคาสินค้า สอบปากคำผู้ต้องหา สอบพิมพ์ดีด

    ความหมายของคำว่า “การตรวจสอบ” ในงานทางวิศวกรรมนั้นถูกกำหนดโดยกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. 2550 อาศัยอำนาจตามความในบทนิยามคำว่า “วิชาชีพวิศวกรรม” และ “วิชาชีพวิศวกรรมควบคุม” ในมาตรา 4 และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542 ข้อที่ 3 งานในวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละสาขา วงเล็บห้าให้งานพิจารณาตรวจสอบ หมายถึง การค้นคว้า การวิเคราะห์ การทดสอบ การหาข้อมูลและสถิติต่างๆ เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ หรือประกอบการตรวจสอบวินิจฉัยงานหรือในการสอบทาน


ตัวอย่างของงานพิจารณาตรวจสอบความเสียหายและให้คำแนะนำแก้ไขอาคารทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ซึ่งเกิดการทรุดตัวและแตกร้าว โดยวิศวกรโยธามีใบอนุญาตระดับวุฒิวิศวกร ได้ทำการสำรวจอาคารทาวเฮ้าส์ อาคารข้างเคียงและสภาพโดยรอบ พิจารณาตรวจสอบสภาพชั้นดินและข้อมูลการออกแบบเดิมที่ใช้ค่าส่วนความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานออกแบบโดยทำการพิจารณานำข้อมูลข้างต้น สรุปความเสียหายของอาคารว่าเกิดความเสียหายจากเหตุใด วิศวกรผู้รับจ้างต้องดำเนินการในงานที่ได้รับว่าจ้างมา โดยทำอย่างถูกต้องตามหลักปฏิบัติและวิชาการ ของจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม

    พระราชบัญญัติวิศวกร 2542 มาตรา 4 “วิชาชีพวิศวกรรม” หมายความว่า วิชาชีพวิศวกรรมในสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเหมืองแร่ วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมอุตสาหการ และสาขาวิศวกรรมอื่นๆ ที่กำหนดในกฎกระทรวง “วิชาชีพวิศวกรรมควบคุม”
หมายความว่า วิชาชีพวิศวกรรมที่กำหนดในกฎกระทรวง “ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมจากสภาวิศวกร กฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม พ.ศ. 2550 กำหนดให้งานที่ต้องควบคุมของแต่ละสาขาวิชาชีพ เช่น ตามข้อที่ 5 ประเภทและขนาดของวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาวิศวกรรมโยธามี 21 ประเภท เป็นต้น

    ส่วนการตรวจสอบในงานวิศวกรรมในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่3) พ.ศ. 2543 จะเป็นการตรวจสอบที่ควบคุมอาคารเท่านั้น โดยกำหนดให้ผู้ตรวจสอบผ่านการอบรม ผ่านการสอบ และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจสอบอาคารให้อำนาจขอบข่ายงานในการตรวจตราเบื้องต้น ในการควบคุมอาคารตามกฎหมายกำหนดไว้ โดย “ผู้ตรวจสอบ” ในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือผู้ซึ่งได้รับใบ อนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แล้วแต่กรณีซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัตินี้ งานตรวจสอบอาคาร จึงเป็นงานตรวจสอบอาคารตามที่ได้ระบุไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการตรวจสอบอาคาร ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “กฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ตรวจสอบ และหลักเกณฑ์การตรวจสอบอาคาร พ.ศ. 2548” ซึ่งมีลักษณะต่างกับงานพิจารณาตรวจสอบตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ วิศวกร พ.ศ. 2542

   การออกกฎหมายผู้ตรวจสอบอาคารออกมานั้น อันเนื่องมาจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีอาคารวิบัติเกิดขึ้นมากมาย เป็นต้นว่า โรงแรมโรยัล พลาซ่า จังหวัดนครราชสีมา โรงงานผลิตตุ๊กตาเคเดอร์ จังหวัดนครปฐม โรงแรมรอยัล จอมเทียน จังหวัดชลบุรี ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่พัง เครื่องเล่นไฟฟ้าในสวนสนุกไหม้ เป็นต้น จึงได้มีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เป็น ฉบับที่ 3 ให้มีการตรวจสอบสภาพอาคาร มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543

    ขอบเขตของการตรวจสอบอาคารนั้น ผู้ตรวจสอบมีหน้าที่ตรวจสอบ สังเกต ทำรายงาน วิเคราะห์ ความมั่นคงแข็งแรงของอาคาร ระบบและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ของอาคาร และระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย เพื่อลดความเสี่ยงหรือเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้สอยอาคาร ในฐานะผู้ตรวจสอบวิชาชีพที่มีความรู้ ซึ่งได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดตามหลักวิชาชีพ และตามมาตรฐานการตรวจสอบสภาพอาคารและโรงงานอุตสาหกรรมในด้านความปลอดภัยของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ณ สถานที่ วัน และเวลาที่ทำการตรวจสอบตามที่ระบุในรายงานเท่านั้น  

Thursday, November 9, 2000

ความทันสมัยของการเป็นนักวิศวรรกร

ขอคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน






สําหรับการเลือกใชงานตองมี ขอมูลที่จํ าเปนเพื่ อประกอบการเลือกใช Flow meter ดังนี้  
1. ใช วั ดสารอะไร? (Fluid name) 
-เพื่ อเลือกชนิดของMaterial ที่มาผลิตตัวอุปกรณ

2. ขนาดหนาปด (Dial size) 
-ขึ้นอยูกั บชนิดของFlow meter วาเปนแบบDirect reading หรือ
ไปแสดงผลหรือประมวลผลไปควบคุมอุปกรณอื่ นๆ
แบบTransmitter เพื่ อสงคาที่วั ดได

3. รูปแบบการติดตั้ง (Type Connection) 
-ลักษณะการติดตั้ งแบบเกลียวหรือหนาแปลน หรือแบบอื่ นๆ

4.ชวงการวัด (Range) 
-เพื่ อทราบชวงของการวัด  ในการเลื อกFloat Tube, Orifice Plate, หรือ Turndown Ratio 

5.หนวยการวั ด(Unit) 
-จะมีใชอยู หลายหนวยเชน m3/h, LPM, LPH เปนตน

6.อุณหภูมิ  (Temperature) 
- โดยสวนใหญ จะรับ Fluid TempและAmbient Temp ไดคุ ณสมบัติ  ของวัสดุที่ ใชผลิต

7.คาความผิดพลาดที่ ยอมรับได(Accuracy class)
-ขึ้นอยูกับ Specของผู ผลิตแตละBrand และชนิดของFlow meter ตั่งแต0.1%-5% 

8.อุปกรณเสริม (Accessories) 
-ตามOption การใชงาน

9.งานวัดและความคุม (Measuring Control) 
-สําหรับงานที่ต องการควบคุมตองทราบเกี่ ยวกับอุปกรณอื่ นที่ต องตอเกี่ ยวของในการControl เชนตองการรับ /สง
สัญญาณ(Out put/in put Signal) เปนแบบไหน 4-20mA, 0-10 Vac, Contact NO/NC 
Power Supply เปนชนิดใด12/ 24/110/220/380 Vac/dc ใชควบคุมอะไร Valve, Pump เปนตน
เพื่ อไปตอกับ Pressure Controller หรือตัวควบคุมชนิดอื่น

Wednesday, October 18, 2000

ความรู้เกี่ยวกระเบื้องเซรามิกเอามาสร้างบ้าน









ในการตกแต่งผนังอาคาร ผลิตภัณฑ์ที่ถูกเลือกใช้งานเพื่อตอบสนองการออกแบบที่สวยงามและง่ายต่อการติด ตั้ง มักจะเป็นกระเบื้องเซรามิก เราต้องยอมรับว่าในอาคารแต่ละหลังตั้งแต่บ้านพักอาศัยหลังเล็ก ไปจนอาคารชุดพักอาศัยระดับซุปเปอร์ลักซูรี่ต่างก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ กระเบื้องเพื่อปูพื้นหรือกรุผนังในห้องใดห้องหนึ่งเสมอ โดยเฉพาะห้องน้ำ ซึ่งในปัจจุบันนี้ถือได้ว่าตลาดของผู้บริโภคกลุ่มนี้กว้างมากมีทั้งในระดับ ล่างไปจนระดับบนที่สูงสุดๆ ผู้ผลิตสินค้ากระเบื้องเซรามิกต่างก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมีการพัฒนาลวดลายสีสันใหม่ๆ ตามความต้องการของตลาด ซึ่งเราอาจมองว่ากระเบื้องเซรามิกเป็นสินค้าแฟชั่นอย่างหนึ่งก็ได้

ด้วยลวดลายใหม่ๆ พร้อมด้วยสีสันที่ทางผู้ผลิตกระเบื้องต่างพัฒนาออกมาอย่างหลากหลาย อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนในการเลือกใช้งานได้ อีกทั้งคุณลักษณะพิเศษต่างๆ ของกระเบื้องที่มีคุณสมบัติจำเพาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีจุดประสงค์ ที่แตกต่างกัน ทำให้เราเลือกใช้งานไม่ถูกได้เช่นกัน อย่างน้อยเนื้อหาในบทความนี้จะช่วยทำให้ผู้ที่ต้องการเลือกใช้กระเบื้อง เซรามิกมีความเข้าใจในประเภทของกระเบื้อง อีกทั้งคุณสมบัติที่เราควรจะคำนึงถึงสำหรับการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย เมื่อเราเข้าใจในชนิดของกระเบื้องเซรามิกที่มีอยู่ในท้องตลาด และทราบว่าถึงคุณสมบัติในการใช้งาน เราก็สามารถเลือกใช้กระเบื้องเซรามิกได้ตรงตามความต้องการของเราอย่างสูงสุด 

อย่างแรกเราควรทำความรู้จักประเภทของกระเบื้องเซรามิกก่อน ว่ามีลักษณะการใช้งานอย่างไรบ้าง นั่นคือ 1. กระเบื้องกรุผนัง 2. กระเบื้องปูพื้น 3. กระเบื้องสำหรับตกแต่ง หรือหากแบ่งตามประเภทของเนื้อกระเบื้อง ตามกระบวนการผลิตและคุณภาพการรับรองตามมาตราฐานสากล ซึ่งเป็นการจำแนกประเภทตามแนวทางการผลิต เราสามารถแบ่งประเภทของกระเบื้องได้ดังนี้

1. กระเบื้องกรุผนัง 

กระเบื้องที่ใช้สำหรับกรุผนังของบ้านหรืออาคาร ในอดีตเรานิยมใช้งานในห้องน้ำเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาสีสันและลวดลายให้มีความสวยงาม จนสามารถนำมามาใช้งานได้ในทุกพื้นที่ของบ้านหรืออาคารได้เลย ซึ่งข้อดีของการใช้กระเบื้องกรุผนังทดแทนการทาสีหรือการใช้วอลล์เปเปอร์ก็ คือ กระเบื้องจะมีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำความสะอาดง่ายกว่า และสามารถออกแบบลูกเล่นต่างๆ ในการตกแต่งได้ตามไอเดียของเจ้าของบ้านเองได้

เนื้อดินของกระเบื้องกรุผนังจะเป็นชนิด Earthen ware ที่มีเปอร์เซ็นต์ในการดูดซึมน้ำสูง (15-22%) และมีความแข็งแรงไม่สูงมากนัก ส่วนสีเคลือบผิวส่วนใหญ่มักจะเป็นผิวมัน ดังนั้นจึงไม่ควรนำเอากระเบื้องชนิดนี้ไปใช้งานที่ต้องรับน้ำหนักมากหรือ ต้องสัมผัสกับน้ำอยู่ตลอดเวลา หรือใช้ในพื้นที่ที่มีการขูดขีดสูง เช่น พื้นที่สาธารณะหรือปูพื้น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวของกระเบื้อง และหมดความสวยงามได้ในที่สุด นอกจากนี้หากนำกระเบื้องกรุผนังซึ่งมีผิวมันมากไปใช้ปูพื้นก็อาจทำให้เกิด การลื่นไถลและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้สอยอาคารได้

คุณสมบัติของเนื้อกระเบื้องกรุผนังจะต้องมีน้ำหนักเบา มีความพรุนตัวสูง มีความแข็งแรงปานกลาง โดยขนาดของกระเบื้องแต่ละแผ่นต้องได้มาตรฐาน เพื่อที่เวลาปูกระเบื้องแล้วจะทำให้ได้แนวของกระเบื้องที่สวยงาม ไม่ควรมีการหดตัวเมื่อติดตั้งไปแล้ว หรือเกิดการแตกร้าวของผิวเคลือบ (Delay crazing) เมื่อใช้งานไปในระยะเวลาหนึ่ง ที่อาจเกิดมาจากการขยายตัวเพราะความชื้น และสีเคลือบต้องมีความทนทานต่อสารเคมีได้ เนื่องจากในการใช้สอยที่ต้องทำความสะอาดพื้นกระเบื้องด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดหรือเบส

2. กระเบื้องปูพื้น 

กระเบื้องชนิดนี้ไว้ใช้สำหรับปูพื้นเพื่อให้เกิดความสวยงาม ซึ่งมีความคงทนและทำความสะอาดได้ง่าย สามารถใช้ทดแทนวัสดุที่มีราคาสูง เช่น หินแกรนิต หินอ่อน หรือพื้นไม้ เป็นต้น 

เนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อ Stone ware ที่มีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำถึงปานกลาง (~3-6%) มีความแข็งแรงปานกลาง ลักษณะผิวเคลือบมีทั้งแบบผิวมันและผิวด้าน นอกจากนี้ยังมีลวดลายแพทเทิร์นต่างๆ ให้เลือกมากมายขึ้นอยู่กับการใช้งานของพื้นที่ที่จะปูกระเบื้อง

คุณสมบัติที่สำคัญของกระเบื้องปูพื้น แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เราเห็นหรือสัมผัสได้ เช่น สีสัน ลวดลาย ลักษณะของผิวเคลือบ ขนาด คุณภาพของผิวหน้า ความโค้ง-แอ่นของกระเบื้อง และส่วนที่เป็นคุณสมบัติทางกายภาพ ที่ผู้ใช้งานไม่สามารถวัดค่าออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่ทางผู้ผลิตได้มีการควบคุมคุณภาพตามมาตราฐานที่กำหนดเอาไว้ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาภายหลังการใช้งาน โดยคุณสมบัตินั้น ได้แก่

ความแข็งแรงของเนื้อกระเบื้อง ที่ต้องได้ตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้กระเบื้องแตกหรือร้าว เมื่อใช้งานในพื้นที่ที่ต้องรับแรงกดมาก

การดูดซึมน้ำ จะต้องไม่สูงเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้กระเบื้องเกิดการดูดซึมน้ำ ซึ่งจะเกิดเป็นความชื้นสะสมอยู่ในเนื้อกระเบื้องอาจทำให้สีของกระเบื้อง เปลี่ยนไปได้ หรืออาจพบปัญหาน้ำเมือกคล้ายเจลเกาะเป็นคราบ ทำให้ความสะอาดได้ยาก ส่งผลให้ผิวกระเบื้องลดความสวยงามลง และหากมีความชื้นสูงประกอบกับการดูดซึมน้ำของกระเบื้องมีมาก สามารถทำให้กระเบื้องร่อนออกจากพื้นซีเมนต์ได้

ความทนทานต่อการขูดขีด โดยขึ้นอยู่กับคุณภาพของผิวเคลือบ ผิวมันจะมีความทนทานต่อการขูดขีดต่ำ ทำให้เกิดเป็นรอยได้ง่ายกว่าผิวด้าน ดังนั้นในการใช้งานกระเบื้องผิวมันควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีขูดขีดเกิดขึ้น สูง

ความต้านทานต่อสารเคมี ในการทำความสะอาดพื้นกระเบื้องเซรามิกนั้น ส่วนใหญ่เรามักใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือเบส ที่มีฤทธิ์กัดคราบสกปรกได้รุนแรง กระเบื้องปูพื้นที่ดีควรผ่านการทดสอบสารเคมีและรับประกันคุณภาพสินค้าด้วย

ความต้านทานต่อการขัดสี การใช้งานกระเบื้องปูพื้นเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการเสียดสีหรือขัดสีระหว่าง ผิวกระเบื้องกับฝุ่นละออง ทราย กรวด พวกนี้ได้ การทดสอบความทนทานต่อการขัดสีของพื้นผิวตามมาตรฐานของ PEI (Porcelain Enamel Institution) กำหนด โดยการนำเอาผงขัดมาเข้าเครื่องขัดผิวหน้ากระเบื้อง กำหนดให้จำนวนรอบในการขัดที่แตกต่างกัน และสังเกตผลที่เกิดขึ้นกับผิวเคลือบภายหลังการขัดผิวหน้าของกระเบื้อง ซึ่งจะทำให้เราสามารถจัดระดับชั้นของกระเบื้องตามค่าของการแบ่งระดับชั้น (ค่า PEI) ได้ดังนี้

ขั้นที่ 0 ทนทานต่อรอยขูดขีด ได้ 100 รอบของการขัดสี กระเบื้องเคลือบสีในชั้นนี้ไม่แนะนำให้ใช้สำหรับปูพื้น

ขั้นที่ 1 ทนทานต่อรอยขูดขีด ได้ 150 รอบของการขัดสี แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ที่มีการสัญจรโดยสวมรองเท้าพื้นนิ่มหรือเท้าเปล่า โดยไม่มีฝุ่นละอองเช่นในห้องนอน หรือในห้องน้ำ

ขั้นที่ 2 ทนทานต่อรอยขูดขีด ได้ 600 รอบของการขัดสี แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรโดยสวมรองเท้าพื้นนิ่มหรือรองเท้าปกติ และมีฝุ่นผงบ้างในจำนวนน้อยเช่นห้องต่างๆ ภายในบ้าน

ขั้นที่ 3 ทนทานต่อรอยขูดขีด ได้ 750 หรือ 1,500 รอบของการขัดสี แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรบ่อยครั้งด้วยรองเท้าปกติและมีฝุ่นผงไม่ มากนัก เช่น ห้องครัวภายในบ้าน ระเบียงทางเดิน ลานบ้าน

ขั้นที่ 4 ทนทานต่อรอยขูดขีด ได้ 2,100 หรือ 6,000 หรือ 12,000 รอบของการขัดสี แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ที่มีการสัญจรเป็นปกติ ซึ่งมีฝุ่นละอองมาก ทำให้มีสภาพที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าขั้นที่ 3 เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ห้องแสดงนิทรรศการ

ขั้นที่ 5 ทนทานต่อรอยขูดขีด ได้มากกว่า 12,000 รอบและผ่าน ISO10545-14 สำหรับความต้านทานต่อคราบสี แนะนำให้ใช้ในพื้นที่ที่มีการสัญจรพลุกพล่านเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน โดยมีปริมาณฝุ่นผงขัดสีเป็นจำนวนมาก และมีสภาพการใช้งานที่รุนแรงที่สุด เช่น ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ทางเดินสาธารณะ สถานีรถไฟ(ฟ้า) สถานีรถประจำทาง

ในครั้งต่อไปผู้ใช้งานอย่างลืมถามผู้ขายถึงคุณสมบัติการใช้งานที่เหมาะสมตาม ค่า PEI เพื่อเลือกกระเบื้องให้เหมาะกับพื้นที่การใช้งาน หลีกเลี่ยงปัญหาการสูญเสียพื้นผิวที่สวยงามในระยะเวลาอันสั้น 

3. กระเบื้องโมเสค (Mosaic) 
กระเบื้องโมเสคสามารถนำไปใช้ในการปูพื้นก็ได้ หรือกรุผนังก็ได้ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยเราเรียกกระเบื้องโมเสคที่ใช้ภายนอกอาคารว่า Facing Tile ส่วนกระเบื้องโมเสคสำหรับปูพื้นควรเป็นชนิดที่เคลือบผิวไม่มันมากนัก เพื่อจะได้ป้องกันการลื่นไถล 

โมเสคเป็นกระเบื้องที่มีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำ และมีความแข็งแรงสูง เนื้อกระเบื้องจัดอยู่ในประเภทพวก Porcelain โดยทั่วไปเป็นกระเบื้องขนาดเล็กที่มีขนาดต่ำกว่า 4 นิ้ว ผู้ผลิตจะนำชิ้นโมเสคเหล่านี้ไปติดบนแผ่นไนลอน (Nylon Sheet) เวลาติดตั้งก็ปูไปทั้งแผ่น จำนวนชิ้นของโมเสคในแต่ละแผ่นก็ขึ้นกับขนาดของโมเสค แต่สำหรับ Facing Tile ตัวจบสุดท้าย (Footing) มักจะถูกออกแบบให้มีความลึกมากกว่าโมเสคปกติเพื่อความสามารถในการยึดติดที่ ดี การติดตั้ง Facing Tile ควรจะติดไปบนแผ่นคอนกรีตสำเร็จก่อน แล้วจึงสามารถยกขึ้นไปติดตั้งพร้อมกับการก่อสร้างอาคาร การใช้กระเบื้องโมเสคกับผนังภายนอกอาคาร จะให้ความคงทนได้ดีกว่าสีทาอาคารและยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ไม่สกปรกหรือขึ้นราได้ง่าย

คุณสมับติที่ดีของกระเบื้องโมเสค นั่นคือ สามารถทนทานต่อสารเคมีได้ดีกว่ากระเบื้องชนิดอื่น เพราะผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่ากระเบื้องกรุผนังและกระเบื้องปูพื้น ทั่วไป แต่ทำให้สีของตัวกระเบื้องโมเสคมีความเข้ม-อ่อนแตกต่างกันได้ เนื่องจากสภาพความแตกต่างของอุณหภูมิในแต่ละตำแหน่งภายในเตาที่ไม่เท่ากัน ผู้ผลิตจึงนำโมเสคมา Mix pattern จัดเรียงเฉดสีให้ดูกลมกลืนกันใน 1แผ่น เพื่อให้เกิดเป็นการไล่เฉดสีเข้ม-อ่อนต่อกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของกระเบื้องโมเสคก็ว่าได้ หากเลือกใช้กระเบื้องประเภทนี้เราต้องชื่นชอบในความต่างของเฉดสีที่มีบน กระเบื้องชนิดนี้ด้วย ส่วนข้อจำกัดของโมเสคอยู่ที่การทำความสะอาด เพราะกระเบื้องชนิดนี้มีขนาดเล็กทำให้มีรอยต่อระหว่างแผ่น (joint) มาก เวลาทำการปูกระเบื้องต้องใช้ปูนซิเมนต์ขาวยาแนวหลายแถว จึงมีโอกาสทำให้เกิดคราบสกปรกฝังแน่นได้ง่าย หากดูแลรักษาไม่ดีพอ

4. กระเบื้องแกรนิต (Granite)

กระเบื้องชนิดนี้เป็นกระเบื้องที่มีการผลิตเลียนแบบหินธรรมชาติ ที่มีการเรียกชื่อไปได้หลายแบบ อาทิเช่น Homogeneous tiles, Granite tiles, Granito tiles, Porcelain tiles เป็นการพยายามผลิตกระเบื้องให้มีลักษณะและสีสันให้ใกล้เคียงหินแกรนิต ธรรมชาติมากที่สุด โดยการนำเอาสีเซรามิกเข้าไปผสมกับเนื้อดินเพื่อให้เกิดสีจากภายในเนื้อ กระเบื้องให้แลดูเป็นธรรมชาติ ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาอย่างมาก ทำให้สามารถผลิตกระเบื้องที่เลียนแบบหินธรรมชาติได้แทบทุกชนิด และมีลวดลายตกแต่งที่มีให้เลือกหลากหลาย

กระเบื้องแกรนิตมี เนื้อดินเป็นชนิดแบบ Porcelain ที่มีการนำสีเซรามิกใส่ผสมลงไปกับเนื้อดินทำให้กระเบื้องทั้งแผ่นมีสีเป็น เนื้อเดียวกัน เมื่อใช้กระเบื้องไปจนเกิดการขัดสีหรือการขูดขีดบนผิวหน้าแล้ว เนื้อกระเบื้องด้านล่างก็จะมีสีเช่นเดียวกันกับผิวด้านบน แต่สำหรับกระเบื้องแกรนิตที่ขัดมันแล้วอาจจะพบปัญหาผิวสกปรก หมอง และด้านขึ้นเมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆ 

คุณสมบัติที่สำคัญของกระเบื้องแกรนิต คือ มีการดูดซึมน้ำต่ำมาก กระเบื้องชนิดนี้จึงสามารถใช้ได้ในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นด้านในอาคาร ด้านนอกอาคาร ที่จอดรถ สถานที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกผล่าน นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติความแข็งแรงสูง สามารถนำไปใช้เป็นทางเลือกในการปูพื้นที่จอดรถ พื้นทางเดิน ทางเข้าบ้าน พื้นที่ที่ต้องรับแรงกดมากกว่าปกติ 

แผ่นกระเบื้องแกรนิตที่ได้มาตรฐานต้องมีขนาดของกระเบื้องในขนาดใกล้เคียงกัน มาก เวลาปูกระเบื้องได้ชิดชนกันได้สนิทเกิดความสวยงามและดูเหมือนกันปูหิน ธรรมชาติจริงๆ แต่กระเบื้องแกรนิตมีข้อได้เปรียบมากกว่าหินจริงตามธรรมชาติ อย่างหินอ่อนหรือหินแกรนิต เพราะจะมีความแข็งแรงมากกว่า ทำให้สามารถรับแรงกดได้สูงกว่า อีกทั้งมีลวดลายและสีสัน ให้เลือกมากมาย ซึ่งสามารถควบคุมเฉดสีให้กลมกลืนกันได้ดี มีความหนาน้อยกว่าหินธรรมชาติ ทำให้มีน้ำหนักต่อแผ่นเบากว่ามาก และที่สำคัญมีราคาถูกกว่าหินธรรมชาติ โดยเฉพาะสีพิเศษอย่างสีดำ หรือสีแดงเลือดนก ที่จำเป็นต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศเพราะในประเทศไทยไม่มีหินธรรมชาติสี เหล่านั้น สามารถปูและติดตั้งได้ง่ายกว่าหินธรรมชาติ

5. กระเบื้องเคลือบเนื้อแกรนิต 

กระเบื้องชนิดนี้เป็นที่นิยมกันในแถบประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น อย่างในยุโรปและอเมริกา ที่มีอุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็งจนทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งถ้ากระเบื้องที่มีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำสูงก็จะพบปัญหาน้ำที่สะสมอยู่ ในรูพรุนจะกลายเป็นน้ำแข็งและอาจทำให้กระเบื้องแตกได้เมื่อเกิดการการขยาย ตัวของน้ำแข็ง เราเรียกคุณสมบัติที่สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่อุณหภูมิ ต่ำมากนี้ว่า Frost resistance 

คุณสมบัติของกระเบื้องชนิดนี้เป็นเนื้อ Porcelain ที่ใกล้เคียงกับเนื้อของกระเบื้องแกรนิต ทั้งในเรื่องการดูดซึมน้ำ และความแข็งแรง แต่ที่ผิวหน้าจะมีการเคลือบสีและตกแต่งลวดลายให้เกิดความสวยงาม รวมทั้งช่วยเพิ่มคุณสมบัติด้านการขัดสี ขูดขีด ให้มีความทนทานเพิ่มขึ้นด้วย สารเคลือบที่ใช้กับกระเบื้องเคลือบเนื้อแกรนิต มักจะเป็นการเคลือบเพื่อให้มีความทนทานทั้งกับสารเคมีและการขัดสี จึงสามารถใช้กระเบื้องชนิดนี้ได้ในทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคาร และสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก 

6. กระเบื้อง Third Firing

เป็นกระเบื้องตกแต่งที่ผ่านการเผาหลายครั้ง ด้วยหลายอุณหภูมิเพื่อให้เกิดความสวยงาม ซึ่งได้จากการนำกระเบื้องปูพื้น หรือกระเบื้องกรุผนัง หรือชนิดอื่นที่ผ่านการเผาแล้วมาทำการตกแต่งลวดลายเพิ่มเติม และนำกลับไปเผาที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ผลิตเนื้อกระเบื้องดัง กล่าว อุณหภูมิที่ใช้เผานั้นขึ้นอยู่กับสีที่นำมาตกแต่ง อาจมีการเผามากกว่าหนึ่งครั้งก็ได้ กระเบื้องชนิดนี้จะใช้สำหรับตกแต่งประกอบไปกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ที่นำมาเป็นพื้นเพื่อให้เกิดความสวยงามขึ้น ซึ่งลวดลายนั้นเป็นได้ทั้งลายดอกไม้ ลายกราฟิก รูปการ์ตูน ภาพธรรมชาติ หรือแม้แต่ภาพอิมเพรสชั่นนิสก็ยังสามารถนำมาใช้กับกระเบื้องได้ สามารถนำไปใช้งานเป็นกระเบื้องตัดขอบ(Border) หรือเป็นกระเบื้องที่มีลวดลายแซมอยู่ทั่วไปของพื้นที่ (Spot tiles) แต่ควรระวัง สีที่นำมาตกแต่งกระเบื้องชนิดนี้มีความทนทานต่อการขูดขีด และสารเคมีค่อนข้างต่ำถึงแม้ว่าจะผ่านการเผามาแล้วก็ตาม อาจซีดจางเมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆ ได้

7. กระเบื้องที่ได้จากกระบวนการรีด (Extrude tile or Spilt tiles) 

ความแตกต่างของกระเบื้องชนิดนี้กับกระเบื้องขนิดอื่นอยู่ที่กระบวนการผลิต ที่แตกต่างออกไป โดยกระเบื้องชนิดนี้จะขึ้นรูปด้วยการนำดินที่มีความชื้นสูงมาเข้าเครื่องรีด ผ่านหัวแบบ (die) ให้ได้รูปร่างตามแบบ แล้วจึงตัดตามขนาดที่ต้องการ คุณสมบัติของกระเบื้องเมื่อผ่านการเผาจะใกล้เคียงกับกระเบื้องปูพื้น ทั้งในเรื่องของเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำ ความแข็งแรง หรือทนทานต่อสารเคมี แต่ข้อจำกัดของกระเบื้องชนิดนี้ คือ ขาดความหลากหลายของขนาดกระเบื้องโดยเฉพาะกระเบื้องที่มีขนาดใหญ่ ปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาลวดลายให้เกิดความหลากหลายขึ้นจากเดิม ซึ่งตามท้องตลาดเราจะเริ่มเห็น spilt tiles ที่มีลวดลายสวยงามเพิ่มขึ้น เนื้อกระเบื้องเป็นแบบ Stone ware หรือ Porcelain จึงสามารถนำไปใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร

8. กระเบื้องดินเผา (Terra cotta) ซึ่งมักเป็นเนื้อ 

กระเบื้องเนื้อ Earthen ware ที่ผลิตจากดินแดงหรือดินที่มีเปอร์เซ็นต์เหล็กออกไซด์สูง ในกระบวนการผลิตจะมีทั้งการขึ้นรูปแบบ Pressing, Extruding และการขึ้นรูปด้วยมือ Handmade มีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำสูง ความแข็งแรงไม่มากนัก เหมาะสำหรับใช้ในตกแต่งผนังบ้านให้สวยงามมากกว่าคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่ แท้จริง แต่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่น ปัญหาที่พบมากในการใช้งานกระเบื้องประเภทนี้ คือ เรื่องความสกปรกบนผิวกระเบื้อง ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายแต่กำจัดออกไปได้ยาก รวมทั้งมักเกิดตะไคร่น้ำได้ง่าย ซึ่งก่อให้เกิดการลื่นไถลเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน จึงไม่เหมาะที่จะใช้งานในพื้นที่ภายนอกอาคารที่ถูกน้ำ หรือในพื้นที่ที่เปียกชื้นเสมอๆ และไม่ควรใช้กับพื้นที่ที่ต้องรับแรงมาก

Thursday, October 12, 2000

ระบบอำน่วยความสะดวกในบ้าน







1. ระบบสุขาภิบาล คืออะไร

          ระบบสุขาภิบาลในบ้าน และอาคาร ประกอบไปด้วย ระบบประปา, ระบบท่อระบายน้ำทิ้ง, ระบบท่อระบายอากาศ, ระบบระบายน้ำฝน และระบบบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น จะเห็นได้ว่าถ้าเปรียบบ้านเป็นคน รูปร่าง ความสวยงามเป็นงานในส่วนสถาปัตยกรรม ระบบสุขาภิบาลก็จะเป็นอวัยวะภายในที่ทำหน้าที่ในร่างกายของเรา ทั้งสูบฉีดเลือดหล่อเลี้ยงร่างกาย และขับถ่ายระบายของเสียออกจากร่างกาย หากระบบมีปัญหาเชื่อได้ว่าเจ้าของบ้านคงอยู่ไม่เป็นสุข ดังนั้นการออกแบบที่ดี การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม การติดตั้งที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก


2. จากประสบการณ์ที่พบ มีปัญหาใดบ้างที่เจอบ่อยๆ และมีแนวทางการแก้ไขอย่างไร ปัญหาที่เจอก็จะซ้ำๆ กัน เช่น

    - ท่อรั่ว, ท่อแตกใต้ดิน, ใต้อาคาร, ในกำแพง
    - ห้องน้ำชั้นล่างอืดชักโครกไม่ลง
    - เครื่องสูบน้ำ สูบน้ำไม่ขึ้น, หรือทำงานไม่หยุด หรือเดิน-หยุด, เดิน-หยุดตลอด
    - ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นตลอดเวลา
    - ฯลฯ


3. การออกแบบและการเลือกวัสดุ ระบบประปา จะให้แนวคิดง่ายๆ เป็นข้อๆ ดังนี้

    • ไม่ควรเดินท่อประปาฝังดินให้เดินลอยเลาะรั้วบ้าน, หลีกเลี่ยง (ห้าม) เดินท่อประปาใต้บ้านหากมีความจำเป็นต้องเดินลอดถนนให้ฝังปลอกท่อเหล็กใต้ถนน หรือต้องฝังดินเข้าตัวบ้านก็ให้ใส่ประตูไว้ทุกจุด เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและซ่อมแซมภายหลัง
    • หากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องสูบน้ำ เพื่อให้มีแรงดันมากขึ้น ต้องออกแบบให้มีถังเก็บน้ำและให้เดินท่อจากการประปามาจ่ายน้ำให้ถังเก็บน้ำ และให้สูบน้ำจากถังเก็บน้ำนี้เท่านั้น ห้ามสูบน้ำจากท่อที่ต่อกับท่อของการประปาโดยตรง ซึ่งผิดทั้งหลักวิชาการ และยังผิดกฎหมายด้วยซ้ำ
    • ถังเก็บน้ำก็จะต้องมีขนาดเหมาะสมกับขนาดของบ้าน, จำนวนคนที่อาศัยอยู่ ตลอดจนความแน่นอนของการจ่ายน้ำประปาให้กับบ้านเรา โดยปกติก็จะให้มีขนาดที่จุน้ำไว้ใช้ได้ 1-2 วัน โดยที่ไม่มีน้ำจากการประปาเติมเลย มีข้อแนะนำที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ไม่แนะนำให้เอาถังเก็บน้ำฝังดิน เพราะยากต่อการดูแลรักษา ทั้งเรื่องความสะอาดและการรั่วซึม รวมทั้งเครื่องสูบน้ำอาจจะสูบน้ำไม่ขึ้นได้ง่ายด้วย
    • ท่อประปาในบ้านผมแนะนำให้เลือกใช้ท่อพีวีซีชั้น 13.5 เหตุผลง่ายๆ ก็คือ ราคาถูก ต่อง่าย ไม่เป็นสนิมอายุยืน แต่มีข้อควรระวังเอาใจใส่ในการติดตั้งดังนี้
          1. การตัดต้องใช้เครื่องมือให้เหมาะสมให้แน่ใจว่าตัดได้ฉาก และควรลบเหลี่ยมที่ปลายท่อ (Taper) การทากาวให้ทาที่ท่อในปริมาณที่เหมาะสม ทาให้ตลอดความยาวของท่อที่จะดันเข้าไปในข้อต่อ ถ้าทาสั้นกว่าก็จะดันเข้าไปในข้อต่อได้เท่ากับส่วนที่ทากาวไว้ ปลายท่อที่ทากาวต้องสะอาด
          2. ข้อต่อเกลียวที่ต่อกับวาล์ว หรืออุปกรณ์ของสุขภัณฑ์ที่เป็นโลหะไม่ควรใช้เกลียวพลาสติก เพราะเมื่อหมุนคลายออกเมื่อไร เกลียวพลาสติกจะเสียทำให้น้ำรั่วได้ ถ้าอยู่ในกำแพงก็จะเป็นเรื่องใหญ่ ให้ใช้เกลียวที่เป็นโลหะแทน
          3. การยึดท่อที่เดินไว้ให้มั่นคง เท่าที่ดูงานบ้านทั่วไปจะละเลยข้อนี้มาก อาจจะทำให้ท่อขยับตัว, สั่นกระแทกกับโครงสร้างทำให้รั่วซึมภายหลังได้
          4. สำหรับท่อที่จะต่อกับเครื่องทำน้ำร้อน ควรใช้ท่อทองแดง เพราะท่อพีวีซี ไม่สามารถใช้กับน้ำร้อนได้
    • การเลือกเครื่องทำน้ำร้อน เครื่องทำน้ำร้อนขนาดเล็กส่วนใหญ่ที่ใช้ตามบ้านจะเป็นแบบที่ไม่มีหม้อพัก คือจะอาบน้ำร้อนก็เปิดน้ำให้น้ำไหลผ่านเครื่องทำน้ำร้อน ซึ่งมีคอยล์ทำความร้อนด้วยไฟฟ้าอยู่ ทำให้น้ำร้อนขึ้นทันที แล้วจ่ายน้ำร้อนออกมา เครื่องทำความร้อนแบบนี้ จะแบ่งได้เป็น 2 ชนิดหลักๆ ขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้าที่ใช้ คือ
          1. เครื่องทำน้ำอุ่นจะใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลวัตต์ ส่วนใหญ่จะมีฝักบัวแถมมาให้เลย ไม่ต้องมีก๊อกผสม มีสวิทซ์ปิด-เปิดเครื่องในตัว จะอาบน้ำอุ่นก็เปิดสวิทซ์ หากอยากจะอาบน้ำเย็นก็ปิดสวิทซ์ มีตัวปรับกำลังไฟให้น้ำอุ่นน้อยมากตามชอบใจ ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นบริเวณที่อาบน้ำเลย
          2. เครื่องทำน้ำร้อนจะใช้กำลังไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 6 กิโลวัตต์ขึ้นไป ซึ่งทำให้น้ำจะร้อนเกินไป จำเป็นต้องมีน้ำเย็นมาผสมน้อย-มากตามความชอบ ตำแหน่งที่ติดตั้งสามารถซ่อนไว้ใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า หรือบนฝ้า (ต้องเปิดซ่อมได้) หรือติดที่ผนังห้องน้ำเลยก็ได้ แต่ต้องใกล้กับจุดใช้งานให้มากที่สุด สำหรับห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำและเจ้าของมีรสนิยมชอบนอนแช่น้ำร้อนจัดขนาด 6 กิโลวัตต์อาจจะเล็กไป ต้องใช้แบบ 8 กิโลวัตต์ขึ้นไปแทน ทั้งนี้ต้องระวังและเตรียมขนาดสายไฟฟ้าที่จะมาจ่ายให้กับเครื่องทำน้ำร้อน นี้ให้มีขนาดเหมาะสมด้วย
         
ทั้งสองประเภทควรเลือกชนิดที่มีเครื่องมือตัดไฟรั่วในตัวอยู่ด้วย (Earth Leakage) เลือกยี่ห้อที่มีชื่อเสียง หรือมีมาตรฐานรับรอง เพราะเป็นห่วงเรื่องไฟรั่วมาก ของใหม่ๆ ก็ไม่เท่าไร นานๆ ไปอาจสร้างปัญหาให้เราได้ ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็ การต่อสายไฟเข้ากับเครื่องทำน้ำร้อน ต้องมั่นใจว่าน้ำจะไม่เข้าไปถูกขั้วที่ต่อไฟฟ้า


เรื่องการระบายน้ำทิ้ง

    • การออกแบบระบบท่อน้ำทิ้งนั้นใช้หลักการว่า น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ คำนวณขนาดท่อและความลาดเอียงให้เหมาะสม เพื่อให้น้ำไหลในท่อได้เร็วพอที่จะพาขยะ สิ่งโสโครกที่เราขับถ่ายปกติไปสู่บ่อน้ำเสียได้โดยสะดวก ดังนั้นการเดินท่อแนวนอนต้องมีความลาดเอียงลงอย่างน้อย 1:100 (1 เมตร/1 ซม.) จากห้องน้ำไปยังบ่อบำบัดน้ำเสีย จากบ่อบำบัดน้ำเสียไปท่อระบายน้ำฝนรอบบ้าน และจากท่อระบายน้ำฝนไปยังแหล่งปล่อยน้ำทิ้งตลอดแนวท่อระบายน้ำ
      วิศวกรผู้ออกแบบจะต้องสำรวจและไล่ระดับจากต้นจนปลายให้ได้ หากมีความจำเป็นก็อาจจะต้องยกตัวบ้านให้สูงขึ้น หรือทำบ่อพักและสูบน้ำทิ้งออกไปสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ อุปกรณ์ข้อต่อที่ใช้ต้องเป็นแบบที่ใช้สำหรับการระบายน้ำทิ้งเท่านั้น ห้ามใช้ข้อต่อประปาซึ่งจะมีความโค้งน้อย
    • สำหรับเรื่องกลิ่นนั้น อุปกรณ์ทุกชนิดที่ต่อกับท่อระบายน้ำทิ้งจะต้องมีที่ดักกลิ่น (คอห่าน) ที่ได้มาตรฐานทุกตัว ตัวไหนไม่มี หรือที่ดักกลิ่นไม่ดีกลิ่นที่ไม่ปรารถนาก็จะมาเยือนได้เสมอ ที่ดักกลิ่นหรือ P-Trap ออกแบบให้มีน้ำขังกันอยู่ระหว่างท่อกับตัวสุขภัณฑ์ กันไม่ไห้กลิ่นผ่านน้ำมาได้ ที่ดักกลิ่นที่ดีต้องมีคุณสมบัติหลักคือ สามารถขังน้ำได้สูงพอประมาณและสามารถถอดล้างเอาขยะออกได้สะดวก
      สุขภัณฑ์ที่ขายโดยส่วนใหญ่จะมีที่ดักกลิ่นในตัว เช่น โถส้วม หรือจะให้มาพร้อมกับสุขภัณฑ์ เช่น อ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ หากไม่มีหรือไม่ให้มา ก็ต้องซื้อเพิ่ม เช่น อ่างล้านจาน (Sink) สำหรับช่องระบายน้ำที่พื้น (Floor Drain) นั้น เป็นปัญหาหลักที่ทำให้เกิดกลิ่น ควรติดตั้ง P-Trap ใต้ช่องระบายน้ำทุกตัว เนื่องจากสินค้าที่ขายทั่วไปที่มีดักกลิ่นที่ตื้นเกินไป ทำให้น้ำที่ขังอยู่แห้งได้ง่าย ขอย้ำอีกครั้ง สุขภัณฑ์ทุกตัวต้องมีที่ดักกลิ่น (P-Trap)

Wednesday, October 11, 2000

อุปกร์และการกระจ่ายก๊าซ

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน



1. มาตรวัดระดับก๊าซ (Level Gauge)
2. มาตรวัดความดันก๊าซ (Pressure Gauge)
3. มาตรวัดอุณหภูมิ (Temperature Gauge)
4. ลิ้นวัดระดับน้ำก๊าซที่ 85 % (Vent Valve and Fixed Tube)
5. ลิ้นระบายความดัน (Safety Relief Valve)
6. วาล์วกันกลับ (Back  Pressure Check Valve)
7. วาล์วป้องกันการไหลเกิน (Excess Flow Valve)
มาตรวัดระดับก๊าซ (Level Gauge) มีไว้เพื่อบอกระดับปริมาณน้ำก๊าซในถัง อาจเป็นชนิดลูกลอยหรือชนิดหลอดกลมกวาดไปรอบถัง
มาตรวัดความดันก๊าซ (Pressure Gauge) มีไว้เพื่อบอกความดันภายในถัง
ลิ้นวัดระดับน้ำก๊าซที่ 85 % (Vent Valve and Fixed Tube) มีไว้เพื่อบอกระดับน้ำก๊าซที่ระดับ 85%  เมื่อน้ำก๊าซถึงระดับ 85% จะมีหมอกของน้ำก๊าซพุ่งออกมา
มาตรวัดอุณหภูมิ (Temperature Gauge) เพื่อใช้บอกอุณหภูมิของน้ำก๊าซภายในถัง

Excess Flow Valve ต้องติดตั้งที่ทุกทางออกของถังก๊าซที่มีขนาดตั้งแต่ 8 มม.ขึ้นไปสำหรับไอก๊าซ และ3มม. ลำหรับน้ำก๊าซ  วาล์วนี้จะทำหน้าที่ปิด โดยอัตโนมัติเมื่อมีการไหลของก๊าซมากกว่าที่กำหนดไว้
Back  Check Valve ต้องติดตั้งที่ทางเข้าของน้ำก๊าซ (Liquid Inlet) เพื่อป้องกันการไหลกลับของน้ำก๊าซ

Thursday, October 5, 2000

วิธีการทดลองเมื่อก๊าซรั่ว

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน



1. ให้สัญญาณเตือนภัย
2. กั้นเขตอันตราย ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้า หรือจัดให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกเขต
3. เปิดวาล์วระบบน้ำหล่อเย็นหลังถัง
4. ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ขนาดเล็ก ควรใช้เครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
     หรือชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำการฉีดตรงจุดที่ก๊าซรั่ว
     หรือตรงฐานของเพลิง โดยการเข้าทางเหนือลม
6. พยายามเข้าไปหยุดการรั่วของก๊าซ โดยการปิดวาล์วต้นทางของจุดที่ก๊าซรั่ว
    ควรสวมชุดผจญเพลิงพร้อมถุงมือ และเคลื่อนเข้าและออกอย่างระมัดระวัง
    พร้อมทั้งมีการฉีดน้ำเป็นฉาก เพื่อกันความร้อน
7. ในกรณีที่ไม่สามารถหยุดการรั่วของก๊าซได้ ควรควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลาม
    ขยายใหญ่ขึ้น โดยการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลา
        - เพื่อลดความดันในถังและท่อ โดยเฉพาะส่วนบนของถังที่มีไอก๊าซอยู่
        - เพื่อลดความร้อนของฐานถังไม่ให้ล้ม และอุปกรณ์ไม่ให้เกิดการแตก
          ซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้ก๊าซรั่วมากขึ้น
        - เพื่อลดอุณหภูมิบริเวณใกล้เคียง
8. ห้ามดับเพลิงที่กลอุปกรณ์นิรภัย ( Safety Relief Valve )

วิธีปฏิบัติเมื่อก๊าซรั่ว
1.  ตรวจสอบและขจัดแหล่งต้นเพลิงบริเวณที่ก๊าซรั่ว
     และห้ามเปิด-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
2.  กั้นเขตอันตราย และจัดให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกบริเวณ
3.  เตรียมเครื่องดับเพลิง, อุปกรณ์ผจญเพลิงให้พร้อมที่จะปฏิบัติงาน
4.  พยายามให้ก๊าซเจือจางโดยการเปิดระบบน้ำหล่อเย็นหลังถัง
     และฉีดน้ำบริเวณที่เกิดการรั่ว
5. หากทำได้ ให้ปิดวาล์วต้นทางหรือซ่อมแซมเพื่อยับยั้งการรั่ว ควรเข้าทางเหนือลม โดยมีชุดป้องกัน และอุปกรณ์ที่ใช้ต้องไม่มีประกายไฟ
6.  ประเมินปริมาณก๊าซรั่ว และถ้าก๊าซรั่วออกนอกบริเวณ รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

Wednesday, September 13, 2000

ความทันสมัยของกุญแจที่ควรรู้กัน

 ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน


 



การล็อกประตูแบบเดิมๆ มีมานมนานหลายยุคหลายสมัยแล้ว ได้รับการออกแบบตั้งแต่ปีค.ศ. 1848 แต่สำหรับปัจจุบัน และศตวรรษที่ 21 นั้น การล็อกประตูแบบดั้งเดิม อาจไม่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยอย่างเพียงพออีกต่อไป

ทุกวันนี้การใช้ลูกกุญแจเพื่อไขแม่กุญแจ ได้รับการพัฒนาสู่ระบบดิจิตอล และถูกนำมาใช้งานกับอาคารสำนักงานเชิงพาณิชย์มาหลายปีแล้ว และเริ่มกระจายสู่การใช้งานสำหรับที่พักอาศัยมากขึ้นตามลำดับ สืบเนื่องจากปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ผู้คนที่รักในความก้าวหน้าด้านไอที หันมาใช้แก็ดเจ็ดอำนวยความสะดวกมากขึ้น ซึ่งดิจิตอลดอร์ล็อกบางรุ่น สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ เพียงแค่พกสมาร์ทโฟนไว้กับตัว ก็สามารถเข้าออกประตูได้อย่างง่ายดาย 

การทำงานของกลอนประตูดิจิตอล

ปัจจุบันสามารถซื้อหากลอนประตูดิจิตอลได้ทั่วไป มีทั้งเลือกหลากหลายระบบ และหลากหลายการดีไซน์ที่เหมาะสมกับประตูของบ้าน หรือตามความชอบของผู้ใช้งาน ทั้งแบบระบบสัมผัส เลือกรหัสสำหรับป้อนเพื่อเปิดประตูได้หลายชุด หรือจะใช้แบบคีย์การ์ดก็ได้เช่นกัน

กลอนประตูดิจิตอล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนงานภายนอกที่ติดตั้งด้านนอกประตู สำหรับเปิดเข้าออก ซึ่งมีการออกแบบสวยงามทันสมัย อีกชิ้นหนึ่งคืองานภายใน สำหรับติดตั้งอีกฝั่งหนึ่งของประตู หน้าตาไม่สวยงาม เป็นที่สำหรับใส่แบตเตอรี่ หรือวงจรการทำงานต่างๆ

บ้านอัตโนมัติ

ระบบต่างๆ ดูน่าสนใจขึ้น เมื่อกลอนประตูดิจิตอลสามารถพ่วงต่อกับระบบอื่นๆ ภายในบ้านได้ อาทิ ระบบรักษาความปลอดภัยกล้องวงจรปิด ระบบควบคุมแสง ฯลฯ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานจัดการสิ่งต่างๆ ในบ้านได้ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก

กลอนประตูดิจิตอลใช้งานยากหรือไม่

ประการแรกที่ทุกคนกังวลใจคือความยากในการใช้งาน และห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะคุ้นชินกับการไขเข้าประตูบ้านด้วยลูกกุญแจแบบเดิมๆ ซึ่งหากพูดในแง่ความปลอดภัยแล้วกลอนแบบดิจิตอลนั้น เข้าถึงยากกว่าการพยายามงัดแงะกลอนประตูทั่วไป ส่วนการใช้งานก็ง่ายเพียงแค่ตั้งรหัส แล้วกดสัมผัสเพื่อเปิดประตูเท่านั้น แถมยังเดินออกจากบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลใจว่าลืมลูกกุญแจหรือไม่ เพราะลูกกุญแจถูกเก็บไว้ในหัวแทนแล้ว

คุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน

ผู้ใช้งานหลายรายปลาบปลื้มกับการทำงาน ความสะดวก ความปลอดภัย และความทันสมัยของกลอนประตูดิจิตอล ที่แม้จะต้องมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่อยู่บ้าง แต่เทียบไม่ได้กับสิ่งอื่นๆ ที่ได้มา แถมราคาก็ไม่แพงเกินเอื้อม หากอยากทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน ลองซื้อหามาเปลี่ยนดูก็ไม่เสียหลาย แถมบางทียังอาจลืมการล็อกกุญแจแบบเดิมๆ ไปโดยสิ้นเชิง

นวัฒกรรมทันสมัย

Thank you for visited We hope  all visited can find details about information on my website




HIP GLOBAL ขนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยร่วมงาน Secutech Thailand 2013 พร้อมชู 3 นวัตกรรมล่าสุดซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ที่สำคัญ ที่ทางบริษัทภูมิใจมานำมาเสนอและเปิดตัวภายในงานครั้งนี้

นายธนพล เนตรคง Project Manager HIP GLOBAL CO.,LTD. พูดถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำมาโชว์ภายในงาน Secutech Thailand 2013 ซึ่งบริษัทฯ ได้นำสินค้าเกี่ยวกับนวัตกรรมความปลอดภัยทั้งหมด 3 ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์สำคัญ คือ 1.The new face scan เป็นการสแกนใบหน้าในรูปแบบ 3D จัดเก็บข้อมูลในลักษณะของ T -Zone บนใบหน้า ซึ่งไม่ต้องใช้นิ้วมือหรือไม่ต้องพกบัตรให้ยุ่งยาก ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำมาโชว์ในงานครั้งนี้ โดยวิธีการทำงานจะจับอุณหภูมิในร่างกาย โดยใช้ระยะเวลาในการสแกน 1 วินาที

นอกจากนั้นแล้วยังมีเครื่องบันทึกการเข้าออกเรียกว่า 1 card 1 Solution ซึ่งเป็นบัตรใบเดียวสามารถเข้าออกอาคาร หรือขึ้นอาคาร โดยใช้กับคอนโดหรือที่อยู่อาศัย ซึ่งบัตรเดียวสามารถใช้ได้ทุกๆ อย่างในบริเวณที่พักอาศัย อาทิ การใช้เปิดประตูเพื่อเข้าพื้นที่ในการจอดรถในคอนโด หรือแม้กระทั่งที่พักอาศัยต่างๆ รวมไปถึงสามารถใช้ในการเข้าห้องที่พักได้อีกด้วย ซึ่งพกใบเดียวสามารถใช้ได้ทุกอย่างที่อยู่ในที่พักอาศัยนั่นเอง

ส่วนอีกเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ที่สำคัญและถือได้ว่าบริษัทฯ เป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ คือ เทคโนโลยีควบคุมการจอกรถ หรือไม้กั้น ระบบ Car Park ซึ่งเป็นเป็นเครื่องไม้กั้นโดยกระบวนการควบคุมในการเปิดสามารถสแกนได้ในระยะไกลโดยประมาณ 20 เมตร
   
นายธนพล ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายที่ได้วางไว้ในการร่วมออกบูธแสดงสินค้าภายในงาน Secutech Thailand 2013 ว่า ต้องการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มาเดินในงานรู้ว่า Security เป็นส่วนสำคัญ และถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมกับผู้ค้าในแต่ละบริษัทได้รับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี

Friday, September 1, 2000

LPG นำมาใช้ในการเชื้อเพลิง

้ ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน



องท�ำความเข้าใจก่อนว่า LPG กับ NGV นั้น
แม้จะมีสถานะเป็นก๊าซเหมือนกัน
แต่การใช้งานก็มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยในรายละเอียด
LPG หรือ ปิโตรเลียมเหลว คือ ก๊าซบิวเทน หรือบิวเทนผสมโพรเพน
NGV รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “ก๊าซธรรมชาติเติมรถยนต์” นั้น คือ ก๊าซมีเทน

การได้มาของก๊าซ LPG ก็เหมือนน�้ำมันเชื้อเพลิงอื่นๆ คือ
ได้จากกระบวนการกลั่นน�้ำมัน หรือการแยกก๊าซธรรมชาติ
ในขั้นตอนการกลั่นน�้ำมัน หลักการง่ายๆ ก็คือ น�ำน�้ำมันดิบมาให้ความร้อน
เชื้อเพลิงก็จะถูกแยกออกไปตามจุดเดือด ก๊าซ LPG เป็นน�้ำมันชนิดเบา จะแยก
ออกมาก่อน และเรียงไปตามล�ำดับจุดเดือดตามมาด้วยแก๊สโซลีนผสมจากเบาไป
หากลางก็จะได้น�้ำมัน Jet น�้ำมันก๊าด น�้ำมันดีเซล และต่อมาน�้ำมันชนิดหนักก็คือ
น�้ำมันเตา ยางมะตอย ก็จะออกมาตอนท้ายสุด

LPG น�ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
และเป็นเชื้อเพลิงที่เผาไหม้หมดจด ให้พลังงานความร้อนดี เมื่อน�ำมาให้ความเย็น
ที่ลบ 50 องศาเซลเซียส ก็จะเปลี่ยนสถานะไปอยู่ในรูปของเหลว สามารถอัดลง
ถังเก็บด้วยแรงดันไม่มากนัก คือ 100 - 130 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) ท�ำการ
ขนส่งไปขายตามบ้านได้สะดวก
แต่จะนับว่าเป็นน�้ำมันเชื้อเพลิงชั้นดี ก็ยังไม่สะดวกปากเพราะมีข้อจ�ำกัด
อยู่เหมือนกัน ก็ LPG นั้นหนักกว่าอากาศ หากเกิดรั่วไหลจะเป็นอันตราย
เพราะมันจะรวมตัวกันอยู่ที่พื้น หากมีประกายไฟขึ้นล่ะก็ ตูม!
แต่เหตุผลที่ “ไม่ใช่” ยิ่งกว่านั้นเป็นเรื่องของ “คุณค่า” และ “มูลค่า” เพราะ
LPG เป็นวัตถุดิบส�ำคัญในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการที่มีการลงทุนสร้าง
โรงแยกก๊าซขึ้นเป็นครั้งแรกที่มาบตาพุด จ.ระยอง เปิดท�ำการเมื่อ พ.ศ.2528
ก็เพื่อน�ำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงและ ป้อนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

Wednesday, August 30, 2000

ประเภทหม้อต้มไอก๊าซ 2 ชนิด

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน




แบบให้ความร้อนทางอ้อม (Indirect Fired Vaporizer) : เป็นแบบที่ก๊าซได้รับความร้อนจากของเหลวอื่น ซึ่งเป็นตัวนำความร้อนมาถ่ายเทให้กับก๊าซ เช่น น้ำร้อน หรือไอน้ำจะไหลผ่านไส้ไก่ ภายในห้องน้ำก๊าซ แล้วถ่ายเทความร้อนให้แก่น้ำก๊าซจนกลายเป็นไอก๊าซ แบบให้ความร้อนโดยตรง (Direct Fired Vaporizer) : เป็นแบบที่มีหัวเตาก๊าซภายในเครื่องช่วยระเหยไอก๊าซ หม้อต้มไอก๊าซแบบนี้จะเป็นแบบที่ไม่นิยมใช้ เพราะมีความปลอดภัยน้อยกว่าแบบแรก
ระบบความปลอดภัย หม้อต้มไอก๊าซ

1. อุปกรณ์กันระเบิด (Explosion Proof)
2. ชุดควบคุมก๊าซเหลว
3.อุปกรณ์ควบคุมความดัน
4. ชุดควบคุมการทำงาน
ควบคุมอุณหภูมิน้ำ
ควบคุมระดับน้ำ

Thursday, August 24, 2000

ชุดและอุปกรณ์ภายในสถานีก๊าซ


ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน





- สายแก๊สสำหรับน้ำแก๊ส
- สายแก๊สสำหรับไอแก๊ส
- บอลวาล์วควบคุมการไหลทางเดียว
- โกล้บวาล์วควบคุมการไหลทางเดียว
- วาล์วนิรภัยแบบลดความดัน
- มาตรวัดความดัน
- บอลวาล์ว
- อุปกรณ์กรอง
- อุปกรณ์สลับข้างการใช้งานอัตโนมัติ
- อุปกรณ์ปรับลดความดันแก๊ส
- ชุดดักกากแก๊ส
- วาล์วปิดฉุกเฉิน
- เครื่องระเหยแก๊ส/หม้อต้มแก๊ส
- อุปกรณ์ตรวจจับกลิ่นแก๊ส

ระบบก๊าซแบบแทงค์ (Bulk Tank System) การบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหา

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน







 วิธีปฎิบัติ
   ติดตั้งถัง (Tank) เพิ่ม หรือติดตั้งหม้อต้มก๊าซ
   ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำปรึกษาและคำแนะนำ

ลักษณะปัญหาที่เกิด
   มีก๊าซระบายออกมาจากรู Vent ของหัวปรับความดันก๊าซ

สาเหตุ
   ความดันก๊าซที่เข้ามาที่หัวปรับสูงเกินกว่าค่าที่กำหนด

วิธีปฎิบัติ
   ให้ดู Spec. ที่ตัวอุปกรณ์ว่าความดันแก๊สขาเข้าทนแรงดันได้เท่าใด แล้วให้ทำการปรับค่าความดันแก๊สขาเข้าให้ตรงตาม Spec.

 ลักษณะปัญหาที่เกิด
   ความดันก๊าซที่ออกจากชุดหัวปรับความดันมีค่าเท่ากับความดันขาเข้า

สาเหตุ
   มีสิ่งสกปรก, เศษผงเหล็กต่างๆ เข้าไปติดค้างที่ช่อง Orifice Port ภายในตัวหัวปรับความดัน
   อุปกรณ์ภายในหัวปรับความดันได้รับความเสียหาย

วิธีปฎิบัติ
   แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหา


ลักษณะปัญหาที่เกิด
   มีน้ำมันหรือกากก๊าซออกมาที่หัวเผา

สาเหตุ
   เกิดจากกระบวนการผลิตแก๊สของโรงกลั่น

วิธีปฎิบัติ
   ถ่ายน้ำมันหรือกากก๊าซออกจากระบบท่อ ก่อนที่จะใช้งานต่อไป
 ลักษณะปัญหาที่เกิด
   มีน้ำก๊าซอยู่ภายในตัวชุดกรอง (Oil Trap) และที่หัวเผาของเครื่องจักร

สาเหตุ
   ระบบการทำงานของหม้อต้มมีปัญหา
   ปริมาณการใช้แก๊ส ณ ขณะนั้นมีค่าสูงเกินกว่าที่อัตราการจ่ายแก๊สของหม้อต้มจะจ่ายให้ได้

วิธีปฎิบัติ
  ถ่ายน้ำก๊าซออกจากชุดกรอง (Oil Trap) และภายในระบบท่ออกให้หมด
   ตรวจสอบการทำงานของหม้อต้มแก๊สว่าวิธีการใช้งานถูกต้องหรือไม่
ลักษณะปัญหาที่เกิด
   เกิดไฟฟ้าดับในขณะที่ใช้งานอยู่

วิธีปฎิบัติ
   ปิดวาล์วทางด้านขาเข้าและออกของหม้อต้มก๊าซ แล้วปิดเมนเบรกเกอร์และเบรกเกอร์ภายในตู้ Vaporizer Control Panel
   ถ้าต้องการใช้ก๊าซในขณะที่ไฟฟ้าดับ ให้ใช้ก๊าซจากหัววาล์วจ่ายไอก๊าซใช้งานชั่วคราว
ลักษณะปัญหาที่เกิด
   ไม่มีความดันไอแก๊สออกมาจากตัวหม้อต้มก๊าซ แต่ยังมีปริมาณน้ำก๊าซและความดันมารอที่ทางด้านเข้าของหม้อต้มก๊าซ, ระบบสัญญาเตือนที่ตู้ Vaporizer Control Panel อยู่ในสภาวะปกติ คือไม่มีสัญญาณเตือน
สาเหตุ
   ลำดับขั้นตอนการเปิดใช้งานหม้อต้มก๊าซไม่ถูกวิธี คือ เปิดวาล์วด้านเข้าหม้อต้มเร็วเกินไปและวาล์วขาออกจากหม้อต้มได้ถูกเปิดก่อน วาล์วด้านขาเข้า ทำให้ไอก๊าซที่ออกมามีความเร็วสูงเพื่อจะเข้าไปทดแทนไอแก๊สที่สูญเสียไปใน ระบบท่อเนื่องจากการใช้งาน ส่งผลให้ลูกลอยภายในห้องไอก๊าซของหม้อต้มก๊าซเคลื่อนตัวปิดทางออกของไอก๊าซ ทันที จึงทำให้ไม่มีความดันก๊าซจ่ายออกไป
   อัตราการใช้งานในขณะนั้นมีค่าสูงเกินกว่าที่หม้อต้มจะจ่ายไอก๊าซให้ได้ จึงทำให้ลูกลอยภายในตัวหม้อต้มก๊าซทำงานทันที

วิธีปฎิบัติ
   ปิดวาล์วที่ด้านเข้าและออกของหม้อต้มแก๊ส แล้วถ่ายวาล์วเดรน (Drain) ด้านล่างของตัวหม้อต้มแก๊สออกให้หมด จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนการเปิดใช้งานตามที่ได้กล่าวมาแล้วอีกครั้ง

ลักษณะปัญหาที่เกิด
   ตู้ Vaporizer Control Panel มี่เสียงเตือนและไฟ Water สว่าง

สาเหต
   น้ำในตัวหม้อต้มแก๊สต่ำเกินกว่าระดับที่กำหนด

วิธีแก้ไข
   ให้เติมน้ำบริสุทธิหรือน้ำกรองลงในหม้อต้มก๊าซแล้วดูที่แท่งแก้ววัดระดับน้ำต้องให้น้ำอยู่ในระดับที่กำหนด
ลักษณะปัญหาที่เกิด
   ตู้ Vaporizer Control Panel มีเสียงเตือน และไฟ Temp Hi สว่าง

สาเหต
   ชุดควบคุมอุณหภูมิ (Thermostat) ชุดที่ 1 ไม่ทำงาน จึงทำให้ชุดควบคุมอุณหภูมิชุดที่ 2 ทำงานแทน

วิธีแก้ไข
   ให้รีบแจ้งบริษัท ทันที ทางบริษัทฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการให้

การเปรียบเทียบมาตรฐานเครื่องวัดของอุปกรณ์ก๊าซ

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน







1. ผลจากการสอบเทียบมาตรฐานทำให้เห็นความผิดพลาดที่แสดงบน
    เครื่องมือวัด ระบบการวัด หรือวัสดุที่ใช้วัด หรือใช้กำหนดปริมาณ
    บนสเกลของเครื่องมือวัด
2. การสอบเทียบมาตรฐานอาจจะใช้กำหนดคุณสมบัติทางมาตรวิทยาอื่นๆ
3. ผลการสอบเทียบมาตรฐานอาจบันทึกในรูปของ ใบรายงานผลการสอบ
    เทียบ หรือใบรับรองผลการสอบเทียบ
4. ผลการสอบเทียบมาตรฐาน บางครั้งแสดงในรูปของ การค่าแก้ หรือ
     Calibration Factor หรือ Calibration Curve

การ เปรียบเทียบระหว่างเครื่องมือ หรืออุปกรณ์การวัด หรือมาตรฐานการวัดที่มีเกณฑ์ยอมรับแต่ยังไม่รู้คุณลักษณะด้านความแม่นยำ โดยเปรียบเทียบกับระบบมาตรฐานการวัดที่มีความสามารถ และรู้ค่าความไม่แน่นอนของการวัด เพื่อที่จะ ตรวจสอบ หาความสัมพันธ์ รายงาน  หรือทำให้มีความแตกต่างน้อยที่สุดโดยการปรับแต่ง หรือการรายงานค่าปรับแก้ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้รวมถึงการทำความสะอาดภายนอกเครื่องมือวัด การปรับแต่งย่อยๆ การสร้างหรือทบทวนตารางค่าแก้ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์
(NCSL RP-3  p4)
ความสำคัญของการสอบเทียบมาตรฐานเครื่องวัด
เพื่อทำให้แน่ใจว่าเครื่องมือวัดยังสามารถให้ผลการวัดที่เป็นไป
     ตามคุณลักษณะที่ต้องการ(มีค่าผิดพลาดไม่เกินเกณฑ์ยอมรับ)
   เพื่อทำให้เกิดความสามารถสอบกลับได้ของผลการวัด
   เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
   เพื่อให้รู้ค่าปรับแก้ของเครื่องมือวัดที่รับการสอบเทียบ
   เพื่อการยอมรับระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
   เพื่อความเป็นธรรมทางการค้า 
                                        ฯลฯ
ความหมายของการสอบเทียบภายใน

การ สอบเทียบภายใน (in-house calibration) หมายถึง การสอบเทียบซึ่ง ดำเนินการโดยองค์กรเอง กระทำภายในพื้นที่ของโรงงาน และใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น ใช้บุคลากร เครื่องมือมาตรฐาน วิธีการ   ขององค์กร เพื่อให้เครื่องมือวัดที่จำเป็นต้องได้รับการสอบเทียบ ได้รับการสอบเทียบอย่างเหมาะสมตามที่กำหนด
    ( การจ้างหน่วยงานภายนอกมาสอบเทียบ ที่โรงงาน
       จัดเป็น external calibration บางครั้งเรียก on site
       calibration )
ลักษณะการสอบเทียบเครื่องวัดของโรงงานอุตสากรรม SMEs
รับบริการสอบเทียบเครื่องมือวัด จากห้องปฏิบัติการสอบเทียบ นอกองค์กร ( external calibration )

2.     ดำเนินการสอบเทียบในองค์กรเอง ( in – house calibration )

ดำเนินสอบเทียบแบบผสม ทั้งรับบริการจากภายนอก และการ
        ดำเนินการสอบเทียบเองภายในองค์กรเป็นบางส่วน

เกณฑ์ในการเลือกลักษณะของการสอบเทียบภายใน
1. ความพร้อมขององค์ประกอบการสอบเทียบภายในองค์กร

 2. ความประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับ การสอบเทียบภายนอก

3.  ความเสี่ยงต่อกิจการ  อันเกิดจากการวัดผิด
องค์ประกอบของการสอบเทียบภายใน( ref. UKAS-TPS52)
จัดให้มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการสอบเทียบ

2.  บุคลผู้สอบเทียบ และผู้ตรวจสอบการสอบเทียบได้รับการฝึกอบรม
     อย่างเหมาะสม

3.  มีอุปกรณ์มาตรฐานการวัด วัสดุมาตรฐานอ้างอิงที่ได้รับการรับรอง
     เครื่องมือมาตรฐานอ้างอิง ต้องสามารถสอบกลับได้ถึง SI unit
     และมีค่าความไม่แน่นอนของการวัดเหมาะสม ต่อการเป็นอุปกรณ์
     มาตรฐานการสอบเทียบ
4. มีการจัดทำเอกสารแสดงขั้นตอนการสอบเทียบทุกประเภทที่ทำ
    ( calibration procedures )

5. มีแนวทางการบันทึกผลสอบเทียบ และการคำนวณผลที่เหมาะสม

6. มีวิธีการคำนวณค่าความไม่แน่นอนของการวัดในแต่ละงานสอบเทียบ
Down load UKAS TPS-52 จาก  www.ukas.com ( ใน information center)
ความประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับ การสอบเทียบภายนอก
ค่าใช้จ่ายต่อจำนวนเครื่องวัด  ระหว่างการสอบเทียบโดยหน่วยงาน
  ภายนอก และสอบเทียบเองในองค์กร  แบบใดสูงกว่ากัน

  ค่าใช้จ่ายในการสอบเทียบจากภายนอก หาได้จากใบเสนอราคาของ
  ห้องปฏิบัติการสอบเทียบจากภายนอก สำหรับแต่ละเครื่องมือวัดแล้วนำ
  มารวมเป็นยอดรวมค่าสอบเทียบต่อปี
ค่าใช้จ่ายสำหรับการสอบเทียบภายนอก
1. ค่าใช้จ่ายต่อจำนวนเครื่องวัด  ที่เรียกเก็บจากห้องปฏิบัติการสอบเทียบ
      ภายนอก  ติดโดยรวมค่าใช้จ่ายเครื่องมือวัดทุกเครื่องที่สอบเทียบ

  2.  ค่าเชื้อเพลิงในการขนส่งเครื่องมือวัดไปสอบเทียบ
                                      ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายสำหรับการสอบเทียบภายในองค์กร
1. ต้นทุนคงที่จากการลงทุนสร้างห้องปฏิบัติการสอบเทียบ
      - ค่ากั้นห้อง  ค่าระบบควบคุมสภาพแวดล้อม
      - ค่าอุปกรณ์มาตรฐานการวัด
  2.  ค่าใช้จ่ายแปรผันระหว่างการให้บริการสอบเทียบภายในองค์กร
      - เงินค่าตอบแทนพนักงานสอบเทียบ และผู้ตรวจสอบผลการสอบเทียบ
      - ค่า calibrate อุปกรณ์มาตรฐานตามระยะเวลา
      - ค่า ไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
      - ค่าซ่อมบำรุงเครื่องมือมาตรฐานการวัด
      - ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความสามารถ พนักงานสอบเทียบ ฯลฯ

การแนะนำวิธีใช้ของ LPG

ขอขอบคุณสำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บสายของเราและเพื่อการศึกข้อมูลเกี่ยวกับ ก๊าซและประเภทของก๊าซต่างๆที่เราได้เขียนและจักทำเพื่อให้คนที่ใคร่ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวก๊าซ ทางเราจะพยายามจักหาข้อมูลและวิธีใช้มาให้ทุกท่านได้ศึกษา หวังอย่างยิ่งว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งที่ให้ข้อมูลทุกท่าน






1.1    ห้ามสูบบุหรี่ หรือ ทำให้เกิดเปลวไฟในบริเวณ TANK FARM
    1.2       ห้าม มีการขับรถยนต์ หรือติดเครื่องยนต์ใดๆ ในบริเวณจะเติมแก๊ส
    1.3       ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่ปฏิบัติงาน
    1.4       ห้ามเล่นกันภายใน TANK FARM
2.1       นำสายส่งแก๊ส LPG เหลวจากรถขนส่ง สวมต่อเข้าหัว COUPLING ที่ท่อรับแก๊ส
    2.2      ปิด VENT VALVE ที่ท่อรับแก๊ส LPG เหลว และเปิด VALVE ที่สายส่งแก๊ส แล้วเปิด GLOBE VALVE ที่ถังแก๊สที่ต้องการเติมแก๊ส
     2.3       นำสายไอแก๊สย้อนกลับ จากรถขนส่ง สวมต่อเข้ากับหัว COUPLING ที่ท่อไอแก๊สย้อนกลับ
    2.4      ปิด VENT VALVE ที่ท่อไอแก๊ส และเปิด VALVE ที่สายรับไอแก๊สย้อนกลับ แล้วเปิด GLOBE VALVE ที่ถังแก๊สที่ต้องการเติมแก๊ส
    2.5       ตรวจเช็คดู ถ้าไม่มีการรั่วซึมของแก๊สตรง VALVE และท่อต่างๆ ก็เริ่ม LOAD แก๊สได้

ข้อสังเกต

    ขณะที่แก๊สเข้าไปถังจะอ่านความดันได้ประมาณ 80~120 PSI และเมื่อเติมแก๊สเข้าถังด้วย PUMP ความดันในท่อส่งแก๊สเหลวจะสูงขึ้นประมาณ 210 PSI แต่ไม่ควรเกินจากที่กำหนด เพราะจะทำให้ SAFETY VALVE ต่างๆ ทำงาน
    2.6      หลังจากเติมแก๊สแล้วให้ปิด VALVE ทุกตัวที่เปิดตามขั้นตอนแรก และเปิด VENT VALVE เพื่อปล่อยแก๊สที่ค้างทิ้งไป จะช่วยลดความดันที่อยู่ระหว่าง COUPLING กับสายส่งแก๊สก่อนทำการถอดสายเติมแก๊สออก


ข้อห้าม !

    เมื่อเติมแก๊สเสร็จแล้วต้องการถอดสายออกต้องเปิด VENT VALVE ทุกครั้งก่อนปลดหรือถอดสายมิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายเนื่องจากแรงดันแก๊สที่ ค้างอยู่ได้
3.) ขั้นตอนการนำไอแก๊ส (VAPOR LINE) จากถังไปใช้งาน

    3.1     ให้เปิด GLOBE VALVE ของถังที่ต้องการใช้งานอ่านค่า PRESSURE GAUGE ก่อนชุด REGULATOR ปกติควรวัดได้ 60~120 PSI
    3.2     เปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้าและหลัง ชุด REGULATOR อ่านค่า PRESSURE GAUGE หลังชุด REGULATOR ปกติจะตั้งค่าแรงดันไว้ประมาณ 15-25 PSI
    3.3     เปิด EMERGENCY SHUT OFF VALVE
    3.4     เปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้าและหลังชุดกรอง (OIL TRAP) เพื่อจ่ายแก๊สเข้าไปใช้งาน
4.) ขั้นตอนการนำน้ำแก๊ส (LIQUID LINE) จากถังไปใช้งาน โดยผ่านเครื่องต้มแก๊ส

    4.1     เปิดเครื่องต้มแก๊สให้อุณหภูมิของน้ำในเครื่องต้มมีความร้อน ถึง 65๐C (ดูวิธีการเปิด-การปิด เครื่องต้มแก๊สจากคู่มือการใช้เครื่องต้มแก๊ส)
    4.2     ปิด VALVE ระบาย GAS (GAS DRAIN VALVE) ทุกครั้ง
    4.3     ตรวจเช็คปริมาณของน้ำแก๊สในถังที่ต้องการนำมาใช้งานว่ามีปริมาณเพียงพอต่อการใช้งาน
    4.4     ให้เปิด GLOBE VALVE ของถังที่ต้องการใช้งาน อ่านค่า PRESSURE GAUGE ที่ท่อจ่ายน้ำแก๊สก่อนเครื่องต้มแก๊สปกติควรวัดได้ 60~120 PSI
    4.5     เปิด GLOBE VALVE ที่อยู่ก่อนเข้าเครื่องต้มแก๊ส อย่างช้าๆ
4.6     เปิด GLOBE VALVE ที่อยู่ทางออกของเครื่องต้มแก๊ส อย่างช้าๆ อ่านค่า PRESSURE GAUGE ที่ท่อทางออกของเครื่องต้มแก๊สปกติควรวัดได้ 60~120 PSI หรือเท่ากับท่อทางเข้าเครื่องต้มแก๊ส
    4.7     เปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้า และหลัง ชุด REGULATOR อ่านค่า PRESSURE GAUGE หลังชุด REGULATOR ปกติจะตั้งค่าแรงดันไว้ประมาณ 15~25 PSI
    4.8     เปิด EMERGENCY SHUTOFF VALVE
    4.9     เปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้า และหลังชุดกรอง (OIL TRAP) เพื่อจ่ายแก๊สเข้าไปใช้งาน

ข้อสังเกตุ ในการเปิดใช้แก๊ส

1.    เกจวัดความดัน (PRESSURE GAUGE)
1.1    PRESSURE GAUGE ที่ติดไว้ที่ถังแก๊สและท่อแก๊สก่อน REGULATOR ควรอ่านค่าได้ประมาณ 80~120 PSI
1.2    PRESSURE GAUGE ที่ติดไว้หลัง REGULATOR ควรอ่านค่าได้ประมาณ 15-25 PSI
2.    อุปกรณ์ปรับความดันแก๊ส (REGULATOR) ควรปรับตั้งแรงดันที่แก๊สไหลผ่านให้มีความดันและปริมาณการไหล เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป และไม่ควรปรับตั้งบ่อยๆ วิธีการปรับตั้ง REGULATOR ศึกษาได้จากคู่มือการใช้งานซึ่งได้แนบมาในฉบับด้วย
5.) ขั้นตอนการปิดใช้งานของท่อไอแก๊ส (VAPOR LINE)

    5.1     ให้ปิด GLOBE VALVE ของถังที่ต้องการปิดการใช้งานก่อน
    5.2     ปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้า และหลังชุด REGULATOR
    5.3     ปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้า และหลัง ชุดกรอง (OIL TRAP)
6.) ขั้นตอนการปิดใช้งานของท่อจ่ายน้ำแก๊ส (LIUQID LINE) และเครื่องต้มแก๊ส
    6.1     ให้ปิด GLOBE VALVE ของถังที่ต้องการปิดการใช้งานก่อน
    6.2     ปิด GLOBE VALVE ที่ท่อก่อนเข้าและท่อทางออกของเครื่องต้มแก๊ส
    6.3     ปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้าและหลังชุด REGULATOR
    6.4     ปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้าและหลังชุดกรอง (OIL TRAP)
7.) การปิดหรือหยุดการใช้งานในวันหยุด (เกินกว่า 8 ชม.)
    7.1     ให้ปิดระบบจ่ายไฟฟ้าของเครื่องต้มแก๊ส (ดูจากคู่มือการใช้เครื่องต้มแก๊ส)
    7.2     ให้ปิด GLOBE VALVE ของถังที่ต้องการปิดและหยุดการใช้งานก่อน
    7.3     ปิด GLOBE VALVE ที่ท่อก่อนเข้าและท่อทางออกของเครื่องต้มแก๊ส
    7.4     ปิด BALL VALVE ที่อยู่ด้านหน้าและหลัง ชุด REGULATOR
    7.5     ปิด BALL VALVE มีอยู่ด้านหน้าและหลัง ชุดกรอง (OIL TRAP)

*ข้อควรปฏิบัติในการปิดหรือหยุดการใช้งานในวันหยุด

1.)     หลังจากการปิดระบบจ่ายไฟฟ้าของเครื่องต้มแก๊สแล้ว ให้เปิด VALVE ตามขั้นตอนที่ 7 ตามลำดับ
2.)     ให้เปิด VALVE ระบาย GAS (GAS DRAIN VALVE) เพื่อปล่อยให้แก๊สที่เหลือในเครื่องต้มแก๊สออกทางท่อระบายจนหมดทุกครั้ง
8.) ในกรณีที่ต้องการหยุดการใช้แก๊สอย่างกระทันหัน

    - เพื่อต้องการหยุดการใช้แก๊สอย่างกระทันหันหรือกรณีฉุกเฉิน ให้ปิด EMERGENCY SHUT OFF VALVE โดยการดึงกระเดื่องที่อยู่ภายในกล่องสีแดงโดยปกติจะติดตั้งไว้ไกลจุดใช้งาน หรือบริเวณรั้วตาข่าย